ตำนานอุณหิสวิชัย


ตำนานอุณหิสวิชัย
สวดมนต์เน็ทเวิร์ค : ความรู้เกี่ยวกับบทสวดมนต์
       การรู้ถึงที่มาของบทสวดมนต์ตลอดถึงรู้ซึ่งความหมายของบทสวดต่างๆ ถือว่าเป็นอุปการะแก่ตนเองเป็นอย่างยิ่ง เพราะบทสวดมนต์ต่างๆ ในพระพุทธศาสนาย่อมแฝงไว้ซึ่งหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดา เมื่อเราถึงความหมายนั่นก็หมายถึงเราเข้าถึงหลักธรรม
     
      บทสวดอุณหิสสะวิชะยะคาถา หรือคาถาอุณหิสนั้นเป็นอีกหนึ่งบทสวดที่นิยมใช้สวดเพื่อป้องกันภัยอันตรายจากอมุษย์ ภูต ผี ปีศาจ โดยมากจะนิยมใช้สวดในงานทำบุญต่ออายุ สำหรับที่มาของบทสวดนี้คงจะมีหลายท่านที่ยังไม่ทราบว่าก็จะขอนำมากล่าวกันในที่นี้ สำหรับที่มาหรือตำนานของคาถาอุณหิสมีดังนี้

      สมัยหนึ่งพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราท่านประทับอยู่ ณ ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ภายใต้ต้นปาริกชาติในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์แก่เทพยดาทั้งหลายอันมีพระนางสิริมหามายาพระพุทธมารดาเป็นประธาน เพื่อให้เกิดการบรรลุมรรคผลนิพพาน ในกาลนั้นมีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อว่า สุปติฏฐิตเทพบุตร เป็นผู้มีอานุภาพเกรียงไกรได้เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาช้านานแล้ว เทพบุตรองค์ถึงกาลที่จะต้องไปเสวยผลกรรมในนรกเป็นเวลาหนึ่งแสนปี จากนั้นก็จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีกเจ็ดจำพวก จำพวกละ ๕๐๐ ชาติ แต่มีเทพบุตรอีกองค์หนึ่งชื่อว่า อากาศจรณี ซึ่งเป็นสหายเก่ากับสุปติฏฐิตเทพบุตร ซึ่งทั้งสองเคยร่วมรักษาศีลภาวนาภายในอุโบสถเดียวกันในชาติปางก่อน เมื่ออากาศจรณีเทพบุตรทราบว่าสหายของตนจะต้องจุติจากสวรรค์ลงสู่นรกโดยกำหนดรู้ด้วยเหตุ ๕ ประการคือ ๑.ดอกไม้ทิพย์เหี่ยวแห้งโรยรา ๒.ร่างกายเศร้าหมองไม่ผ่องใส ๓.ทิพยภูษาเศร้าหมองไม่ผ่องใส ๔.อาสนะแข็งกระด้าง และ ๕.ผ้าผ่อนเร่าร้อนกระวนกระวาย

      เมื่อทราบด้วยเหตุเช่นนี้แล้วจึงมีความห่วงใยในสหายเก่า อากาศจรณีเทพบุตรจึงนำความไปแจ้งให้สหายทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะบังเกิดขึ้น สุปติฏฐิตเทพบุตรเมื่อทราบข่าวแล้วก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง จึงปรึกษากันว่า
      ”เราจะต้องตกนรกในอีก ๗ วันข้างหน้านี้เพราะบาปกรรมที่เราทำขึ้น เราจะทำอย่างไรดี”
อากาศจรณีเทพบุตรจึงแนะนำว่าเราควรจะไปเข้าเฝ้าจอมอมรินทร์เทพ ขณะนี้พระองค์ทรงประทับอยู่บนดาวดึงส์ สุปติฏฐิตเทพบุตรได้ทราบเช่นนั้นแล้วจึงรีบไปเฝ้าจอมอมรินทร์เทพ ครั้นถวายบังคมเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็กราบทูลถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นแก่ตนให้ทรงทราบ จอมอมรินทร์เทพจึงตรัสว่า

”อันความตาย แม้ผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ก็ไม่อาจห้ามได้ ทั้งมนุษย์และเทพยดาก็ย่อมต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ต่างกันเพียงแต่ช้าหรือเร็ว ทางเดียวที่มีอยู่คือท่านต้องไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อขอคำแนะนำในเรื่องนี้”

      เมี่อได้ฟังเช่นนั้นแล้วสุปติฏฐิตเทพบุตรก็จัดแจงเครื่องสักการบูชาเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ ครั้นถวายอภิวาทแล้วก็กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ จอมอมรินทร์ทรงกราบทูลขอให้พระพุทธองค์ทรงแสดงถึงบุรพกรรมของสุปติฏฐิตเทพบุตร พระพุทธองค์จึงตรัสว่า

      ” เมื่อครั้นสุปติฏฐิตเทพบุตรเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีความประมาทชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มีจิตใจแข็งกระด้างไม่นับถือมารดาบิดา ไม่เลื่อมใสเคารพพระสมณะ บริภาษด่าทอพระภิกษุสงฆ์ที่ไปมาหาสู่ เมื่อเห็นก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น ไม่ลุกขึ้นนิมนต์ให้นั่งบนอาสนะ ด้วยผลกรรมเหล่านี้จึงทำให้สุปติฏฐิตเทพบุตรจักต้องไปเสวยผลกรรมในนรกเป็นเวลา ๑๐๐,๐๐๐ ปี ครั้นพ้นจากนรกแล้วยังต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก ๗ จำพวก คือ แร้ง รุ้ง เต่า หมู สุนัข เป็นคนหูหนวก และตาบอด อีกอย่างละ ๕๐๐ ชาติ ขอมหาบพิตรจงทราบด้วยประการฉะนี้”
      เมื่อจอมอมรินทร์เทพได้ทราบเช่นนั้นก็เกิดความสงสารสุปติฏฐิตเทพบุตรเป็นอย่างยิ่ง จึงทูลถามพระพุทธองค์ว่า

      ”ข้าแด่พระศาสดา อันการกระทำของสุปติฏฐิตเทพบุตรนั้นก็นับว่าอุกฤษฏ์อยู่ ขอพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาเพื่อช่วยชีวิตของสุปติฏฐิตเทพบุตรไว้มิให้ต้องตายภายใน ๗ วันนี้ด้วยเถิด”

      พระพุทธองค์จึงทรงแสดงอุณหิสสะวิชะยะคาถา อันมีใจความดังนี้

      อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย      ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
สัพพะสัตตะหิตัตถายะ          ตัง ตวัง คัณหาหิ เทวะเต
      ดูก่อนเทวดา , ธรรมะอันประเสริฐซึ่งเป็นอุณหิสสวิชัย  หรือเป็นผ้าประเจียดนั้น
มีอยู่ในโลกนี้  คือประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง  ท่านจงถือเอาซึ่งธรรมะนั้นเถิด

      ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ           อะมะมุสเสหิ ปาวะเก
พยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต          อะกาละมะระเณนะ วา
      ก็จะพ้นจากราชทัณฑ์พึงพ้น จากราชทัณฑ์พึงพ้นจากการเบียดเบียนของมนุษย์ พ้นจากไฟ
พ้นจากเสือ  พ้นจากนาค พ้นจากยาพิษ  พ้นจากภูต  พ้นจากความตาย  อันไม่ประกอบด้วยกาล

      สัพพัสมา มะระณา มุตโต   ฐะเปตวา กาละมาริตัง
จะเป็นผู้พ้นจากความตายทั้งปวง  เว้นแต่ความตายตามกาล หรือสมควรแก่กาล

      ตัสเสวะ อานุภาเวนะ            โหตุ เทโว สุขี สะทา
ด้วยอานุภาพแห่งธรรมะนั้นนั่นแหละ เทวดา จงเป็นผู้มีความสุขทุกเมื่อ

      สุทธะสีลัง สะมาทายะ           ธัมมัง สุจะริตัง จะเร
ตัสเสวะ อานุภาเวนะ            โหตุ เทโว สุขี สะทา
ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง             ธาระณัง วาจะนัง คะรุง
ปะเรสัง เทสะนัง สุตตะวา       ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ
      เพราะได้ฟังธรรมแล้ว  เขียนไว้  คิดไว้  บูชาอยู่  ทรงจำไว้  บอกกล่าว
แก่กันและกันและมีความเคารพหนักแน่นในธรรมนั้น  แล้วอายุของเขาย่อมเจริญดั่งนี้

      เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว เทวดาทั้งหลายอันมีองค์อมรินทราธิราชเป็นประธาน ต่างซาบซึ้งในในพระสัทธรรมบรรลุธรรมพิเศษคือ มรรคผลเป็นอันมาก ส่วนสุปติฏจิตเทพบุตรก็มีใจน้อมนับถือในพระพุทธเจ้า เลื่อมใสในธรรมของพระองค์ และจะมีอายุยืนยาวสืบต่อไปจนถึงสมัยที่พระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไปลงมาตรัสรู้ จึงจะมาจุติลงสู่โลกมนุษย์และจะได้เป็นพระอรหันต์ ด้วยอานิสงส์แห่งการฟังอุณหิสสะวิชะยะคาถา
1


เกี่ยวกับ""

เว็บไซต์ "สวดมนต์เน็ทเวิร์ค ดอทคอม" จัดทำขึ้นเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแผ่การสวดมนต์ให้แพร่หลายในหมู่ชาวพุทธ ด้วยการรวบรวมบทสวดมนต์พร้อมทั้งเสียงสวดแล้วนำมาจัดทำเป็นเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ท่านสามารถติดต่อผู้จัดทำเว็บไซต์สวดมนต์เน็ทเวิร์คได้ที่ suadmonnetwork.com@gmail.com

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ