บทสวดมนต์ มังคะละสุตตัง
บทเจริญพระพุทธมนต์
พระปริตร บทสวดมนต์ มังคะละสุตตัง หรือ มงคลสูตร พระสูตรที่กล่าวถึงสิ่งที่ทำให้เกิดมงคลแก่ชีวิต
๓๘ ประการ นิยมสวดเพื่อให้เกิดสิริมงคลในชีวิต ใจความโดยย่อของบทสวดมนต์
มังคะละสุตตัง หรือมงคลสูตร กล่าวถึงข้อสงสัยของเหล่ามนุษย์และเทวดาทั้งหลายที่ถกเถียงกันมาเป็นเวลาอันยาวนานถึงสิ่งที่เป็นมงคลอันสูงสุดของชีวิต จากปัญหาดังกล่าวท้าวสักกะเทวราชจึงแนะนำให้เทวดาเหล่านั้นนำปัญหาข้อสงสัยไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสแสดงถึงสิ่งอันเป็นมงคลอันสูงสุดในพระพุทธศาสนาไว้ ๓๘
ประการ
เอวัมเม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา
สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ฯ อะถะโข อัญญะตะรา
เทวะตา อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง เชตะวะนัง โอภาเสตวา
เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิตวา ภะคะวันตัง อะภิวาเทตวา เอกะมันตัง อัฏฐาสิ ฯ
เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิฯ
พะหู เทวา มะนุสสา จะ มังคะลานิ อะจินตะยุง อากังขะมานา
โสตถานัง พรูหิ มังคะละมุตตะมังฯ
อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา
ปูชา จะ
ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
ปะฏิรูปะเทสะวาโส
จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา
อัตตะสัมมาปะณิธิ
จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง
พาหุสัจจัญจะ
สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต
สุภาสิตา จะ ยา
วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง
มาตาปิตุอุปัฏฐานัง ปุตตะ ทารัสสะ สังคะโห
อะนากุลา จะ
กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง
ทานัญจะ
ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สังคะโห
อะนะวัชชานิ
กัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมัง
อาระตี วิระติ
ปาปา มัชชะปานา จะ สังยะโม
อัปปะมาโท จะ
ธัมเมสุ เอตัมมังคะละมุตตะมัง
คาระโว จะ
นิวาโต จะ สันตุฏฐิ จะ กะตัญญุตา
กาเลนนะ
ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
ขันตี จะ
โสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง
กาเลนนะ
ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง
ตะโป จะ พรัหมะจะริยัญจะ อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง
นิพานะสัจฉิกิริยา
จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง
ผุฏฐัสสะ
โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ
อะโสกัง
วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
เอตาทิสานิ
กัตะวานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา
สัพพัตถะ
โสตถิง คัจฉันติ ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ
คำแปลบทสวดมนต์ มังคะละสุตตัง
ข้าพเจ้า
(พระอานนทเถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ
พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล
ครั้นปฐมยามล่วงไปเทวดาตนหนึ่งมีรัศมีงามยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก
ผู้หวังความสวัสดี ได้พากันคิดมงคลทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสมงคลอันสูงสุด
พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาตอบว่า
การไม่คบคนพาล
๑ การคบบัณฑิต ๑ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑ นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
การอยู่ในประเทศอันสมควร
๑ ความเป็นผู้มีบุญอันกระทำแล้วในกาลก่อน ๑ การตั้งตนไว้ชอบ ๑
นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
พาหุสัจจะ ๑
ศิลป ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว ๑ วาจาสุภาสิต ๑ นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
การบำรุงมารดาบิดา
๑ การสงเคราะห์บุตรภรรยา ๑ การงานอันไม่อากูล ๑ นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
ทาน ๑
การประพฤติธรรม ๑ การสงเคราะห์ญาติ ๑ กรรมอันไม่มีโทษ ๑ นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
การงดการเว้นจากบาป
๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑ ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑
นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
ความเคารพ ๑
ความประพฤติถ่อมตน ๑ ความสันโดษ ๑ ความกตัญญู ๑ การฟังธรรมโดยกาล ๑
นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
ความอดทน ๑
ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การได้เห็นสมณะทั้งหลาย ๑ การสนทนาธรรมโดยกาล ๑ นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
ความเพียร ๑
พรหมจรรย์ ๑ การเห็นอริยสัจ ๑ การกระทำนิพพานให้แจ้ง ๑ นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว
ย่อมไม่หวั่นไหว ๑ ไม่เศร้าโศก ๑ ปราศจากธุลี ๑ เป็นจิตเกษม ๑
นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยในข้าศึกทุกหมู่เหล่า
ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็นมงคลอันสูงสุดของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น
ฯ
|