ไปทำบุญวันพระฉบับคนไม่เคยเข้าวัดทำบุญ




  • ปัจจุบันผมว่าหายากครับสำหรับคนวัยทำงานที่จะหาเวลาเข้าวัดเข้าวาไปทำบุญทำทานกัน ก็ไม่ได้จะมาว่าอะไรกันครับเพราะก็ทราบๆ กันดีว่ายุคสมัยนี้คนเราต้องทำงานกันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ นอกจากวันอาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้นที่จะมีเวลาว่างได้หยุดพักผ่อนกัน เรื่องเข้าวัดทำบุญก็คงมีโอกาสได้เข้ากันบ้างในโอกาสต่างๆ เช่นทำบุญถวายสังฆทานในโอกาสต่างๆ แต่เรื่องทำบุญในวันสำคัญทางศาสนาอาจหาโอกาสยากสักหน่อย เอาง่ายๆ อย่างวันพระผมว่าน้อยครับที่คนทำงานจะได้มีโอกาสเข้าไปทำบุญกัน เพราะเหตุผลส่วนใหญ่วันพระไม่ค่อยได้ตรงกับวันอาทิตย์ สำหรับคนที่พอจะมีเวลาว่างแล้วอยากเข้าวัดไปทำบุญในวันพระ แต่ในชีวิตยังไม่เคยได้ไปทำ บางคนอาจสงสัยว่าการจะไปทำบุญในวันพระเราควรต้องเตรียมตัวอย่างไร วันนี้ผมจะมาไขข้องข้องใจให้รับทราบกัน ลองตามมาดูครับรับรองไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร
    
    สำหรับคนที่อยากเข้าวัดเพื่อไปทำบุญในวันพระ อันดับแรกเลยก็คือไปเปิดปฏิทินดูว่าเมื่อไรจะถึงวันพระ เมื่อทราบวันเรียบร้อยแล้วในเช้าของวันพระก็ให้จัดเตรียมอาหารคาวหวาน พร้อมน้ำดื่ม ใส่ภาชนะ แล้วไปที่วัดใกล้บ้าน เมื่อไปถึงที่วัดก็ให้สอบถามคนแถวนั้นดูว่าเขาทำบุญกันตรงไหน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเข้าจะทำบุญกันที่ศาลาการเปรียญ เมื่อรู้สถานที่แน่นอนแล้วก็ให้ไปรวมกับผู้ร่วมทำบุญท่านอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ให้เราจัดการเอาอาหารที่เตรียมมาถ่ายใส่ภาชนะที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ แล้วรอเวลาพระท่านลงศาลาซึ่งโดยทั่วๆ ไปจะเป็นช่วงเวลาประมาณ 7-8 โมงเช้า เมื่อพระลงศาลาเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เรานั่งพับเพียบให้เรียบร้อย ทายกหรือพิธีกรทางศาสนาของทางวัดจะนำอาราษธนาศีล เสร็จแล้วพระท่านก็จะให้ศีล เมื่อจบจากการรับศีลแล้ว พระท่านก็จะสวดชัยมงคลคาถา หรือบทสวดที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือบทอิติปิโส และพาหุง-มหากา หลังจากที่พระสวดมนต์เสร็จก็ให้เรานำอาหารเข้าไปประเคน ในส่วนนี้บางแห่งก็นำไปวางไว้เลยตอนพระท่านกำลังสวดแล้วประเคนทีหลัง บางแห่งก็นำไปประเคนทีเดียวเลยหลังจากพระท่านสวดเสร็จ อันนี้ก็อยู่ที่ธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละท้องถิ่น เรื่องการถวายอาหารพระบางแห่งก็มีการกล่าวคำถวายบางแห่งก็ไม่มีการกล่าวก็สุดแต่ท้องถิ่นนั้นๆ อีกเหมือนกันครับ หลังจากพระท่านฉันภัตราหารเสร็จก็ให้ช่วยกันยกสำรับออกมา แล้วกลับมานั่งที่ให้เรียบร้อยฟังพระท่านกล่าวคำอนุโมทนาบุญ และสวดยถา-สัพพี ซึ่งในส่วนนี้เท่าที่ผมเคยเห็นมาบางแห่งญาติโยมก็จะนำน้ำสะอาดมากรวดน้ำด้วยในระหว่างที่พระท่านกล่าวยถา ซึ่งเราจะกรวดน้ำเลยในตอนนี้หรือกลับไปกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลตอนกลับบ้านแล้วก็ได้ครับ
    
    การเข้าไปทำบุญในวันพระ หรือวันสำคัญทางศาสนา ตลอดจนการทำบุญในโอกาสต่างๆ คือว่าเป็นการทำบุญที่ครบด้วยองค์ 3 คือทาน ศีล ภาวนา 
    ทาน คือการที่เรานำอาหารไปถวายพระเพื่อให้ท่านบริโภคเพื่อประโยชน์ในดำรงชีวิตในการปฏิบัติกิจทางพระศาสนา ประโยชน์ของการถวายทานก็คือเป็นการลดความตระหนี่ในตัวเราเอง
    ศีล ก็คือในส่วนที่เราตั้งใจกล่าวคำขอศีลและรับศีลจากพระท่าน เมื่อรับศีลแล้วก็พึงนำไปปฏิบัติด้วย ประโยชน์ของศีลคือเป็นเครื่องควบคุมการกระทำทางกาย และวาจาของเรา
    ภาวนา คือการที่เรารับฟังพระท่านสวดมนต์ การฟังพระท่านสวดมนต์ หรือแม้แต่เราสวดเองก็คือว่าเป็นการเจริญภาวนาอย่างหนึ่ง หากจิตเรายึดมั่นไม่วอกแวกเวลาฟัง หรือเวลาสวด ประโยชน์ของการเจริญภาวนาคือจะช่วยให้เราเป็นคนมีสติ รู้จักคิด รู้จักควบคุมอารมณ์
    
    ดังนั้นหากท่านใดพอจะมีเวลาว่าง ผมว่าก็น่าจะลองเข้าวัดไปทำบุญในวันพระกันดูบ้าง เพราะนอกจากจะได้ในเรื่องการการทำบุญที่ครบทั้งทาน ศีล และภาวนา แล้ว เรายังได้รับสาระธรรมจากพระท่าน รวมถึงอาจได้รับข้อคิดดีๆ จากผู้เฒ่าผู้แก่ที่มาทำบุญ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของเราบ้างไม่มากก็น้อยครับ
    
    บทความโดย : สมาชิกเว็บไซต์

เกี่ยวกับ""

เว็บไซต์ "สวดมนต์เน็ทเวิร์ค ดอทคอม" จัดทำขึ้นเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแผ่การสวดมนต์ให้แพร่หลายในหมู่ชาวพุทธ ด้วยการรวบรวมบทสวดมนต์พร้อมทั้งเสียงสวดแล้วนำมาจัดทำเป็นเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ท่านสามารถติดต่อผู้จัดทำเว็บไซต์สวดมนต์เน็ทเวิร์คได้ที่ suadmonnetwork.com@gmail.com

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ