ฟังเสียงสวดมนต์
ดูบทสวดมนต์ สำหรับผู้เกิดวันพฤหัสบดี พร้อมพระประจำวันเกิด
บทสวดมนต์สำหรับผู้เกิดวันพฤหัสบดี บทขัดวัฏฏะกะปะริตตัง
(ใช้สวดภาวนาวันละ ๑๙ จบ
จะทำให้มีอำนาจเป็นที่เคารพของคนทั่วไป)
ปูเรนตัมโพธิสัมภาเร นิพพัตตัง
วัฏฏะชาติยัง
ยัสสะ เตเชนะ
ทาวัคคิ มะหาสัตตัง วิวัชชะยิ
เถรัสสะ
สารีปุตตัสสะ โลกะนาเถนะ ภาสิตัง
กัปปัฏฐายิ
มหาเตชัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
พระประจำวันผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
ปางตรัสรู้ หรือปางสมาธิ
ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้
อยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ทั้งสองหงายวางซ้อนกัน
บนพระเพลา คือพระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงฆ์ขาวทับพระชงฆ์ซ้าย
ประวัติและความสำคัญ เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์
ทรงกำจัดพญามาร และเสนามารให้ปราชัยด้วยพระบารมี ตั้งแต่เวลาสายัณห์มิทันพระอาทิตย์จะอัสดง
ก็ทรงเบิกบานพระทัยได้ปีติเป็นกำลังภายในสนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฎิบัติภาวนาให้ยิ่งขึ้น
ดังนั้น พระองค์จึงมิได้ทรงพักให้เสียเวลาทรงเจริญสมาธิภาวนาทำจิตใจให้ปราศ
จากอุปกิเลสจนจิตสุขุมเข้าโดยลำดับ ไม่ช้าก็ได้บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน
อันเป็นส่วนรูปสมบัติตามลำดับ ต่อจากนั้น ก็ทรงเจริญญานอันเป็นองค์ปัญญาชั้นสูง
๓ ประการ ยังองค์พระโพธิญาณให้เกิดขึ้นเป็นลำดับ
ตามลำดับแห่งยามสามอันเป็นส่วนราตรี นั้นคือ ในปฐมยาม
ทรงบรรลปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกอดีตชาติที่พระองค์ทรงบังเกิดมาแล้วทั้งสิ้นได้
ในมัชฌิมยาม ทรงบรรลุจตูปปาตญาณ หรือทิพจักขุญาณ สามารถหยั่งรู้การเกิด การตาย
ตลอดจนการจุติและปฎิสนธิของสัตว์ทั้งหลายได้หมด ในปัจฌิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ
ทรงพระปรีชาสามารถทำอาสวะกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไป
ด้วยปัญญาพิจารณาในปัจจยาการแห่งปฏิจจสมุปบาท
โดยอนุโลมและปฏิโลมทั้งฝ่ายเกิดและฝ่ายดับ สาวไปข้างหน้าและสาวกลับไปมาแล้ว
ทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลา
ปัจจุสสมัยรุ่งอรุโณทัย
ทรงเบิกบานพระหฤทัยอย่างสูงสุดในการตรัสรู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน
ถึงกับทรงเปล่งอุทานเย้ยตัณหา
อันเป็นตัวการก่อให้เกิดสงสารวัฏฏทุกข์แก่พระองค์หลายเอนกชาติว่า
"นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวสืบเสาะหานายช่างเรือนคือตัณหา
ตลอดชาติอันจะนับประมาณมิได้ ก็มิได้พบท่านเลย นับแต่นี้ไป
ท่านจะทำเรือนให้ตถาคตไม่ได้อีกแล้ว กลอนเรือนเราก็ได้รื้อเสียแล้ว ช่อฟ้าเราก็ทำลายแล้ว
จิตของเราปราศจากสังขารเครื่องปรุงแต่งมีกิเลสไปปราศแล้ว
เราถึงความดับสิ้นไปแห่งตัณหาแล้ว" ในขณะนั้นมหาอัศจรรย์ก็บังเกิดมีขึ้น
กล่าวคือ พื้นมหาปฐพีอันกว้างใหญ่ก็หวั่นไหว
พฤกษาชาติทั้งหลายก็ผลิตดอกออกช่องามตระการตา เทพเจ้าทุกข์ชั้นฟ้าก็แซ่ซ้องสาธุการโปรยปรายบุปผามาลัยทำสักการะบูชา
เปล่งวาจาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก
ด้วยปีติยินดีเป็นเหตุอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
เรื่องนี้จึงเป็นมูลเหตุให้มีการสร้างพระพุทธรูปปางตรัสรู เพื่อเป็นพุทธานุสสติ
ฉะนี้แล
|